

“ผ่าตัดกระเพาะอาหาร
มาตรฐานการรักษาโรคอ้วน”
“โรคอ้วน” เป็นปัญหาใหญ่ที่พบมากขึ้นในประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยพบสัดส่วนประชากรที่มีโรคอ้วนสูง ซึ่งถ้าปล่อยไว้ จะทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ ตามมา อย่าง เบาหวาน, ความดันโลหิตสูง และอีกหลายโรค
การผ่าตัดกระเพาะอาหาร เป็นวิธีที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ในหลายประเทศมีผู้เข้ารับการรักษาด้วยวิธีผ่าตัดกระเพาะเพิ่มขึ้นทุกปี และมีกว่า 2.5 แสนเคสในแต่ละปีที่เข้ารับการรักษาทั่วโลก รวมถึงในไทย มียอดผู้เข้ารับการผ่าตัดกระเพาะมากขึ้นทุกปี
ข้อมูลจาก : สมาคม ASMBS



“โรคอ้วน” มีความเสี่ยงติด โควิด-19 สูงกว่าคนทั่วไป?
จากสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา ทำให้เห็นว่าจำนวนผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เกี่ยวเนื่องกับโรคอ้วนทั้งสิ้น ซึ่งเป็นข้อบ่งชี้ว่าผู้ป่วยมีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อ มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน และอาการรุนแรงมากกว่าคนทั่วไป ถึงขั้นเสียชีวิต จนถูกจัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยง 7 โรคเรื้อรัง ที่ต้องได้รับการฉีดวัคซีนเป็นอันดับต้นๆ
โรคอ้วนที่เกิดจากพฤติกรรมการดำเนินชีวิต จะมีความเสี่ยงติดโควิด-19 ได้สูงหากมี น้ำหนักเกิน 100 กิโลกรัม หรือมีค่าดัชนีมวลกายเกิน > 35 (BMI 35) ขึ้นไป บางรายมีโรคแทรกซ้อน เช่น เบาหวานและความดัน ซึ่งหากติดโควิด-19 เชื้อจะลงสู่ปอดได้เร็วและอาการจะทรุดไวกว่าคนทั่วไปหลายเท่า จนปอดติดเชื้ออย่างรุนแรง และเสียชีวิตในที่สุด นอกจากนี้ยังรักษาค่อนข้างยากอีกด้วย เช่น การนอนคว่ำพร้อมกับการใส่ท่ออกซิเจนช่วยหายใจ เป็นต้น
หากรู้ว่าตัวเองมีน้ำหนักเกิน ควรดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง คุมอาหารการกิน ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แต่หากในกรณีที่เป็นโรคอ้วนและไม่สามารถลดน้ำหนักด้วยตัวเอง เนื่องจากสุขภาพร่างกายไม่พร้อม หรือปัจจัยอื่นๆ (พันธุกรรม หรือฮอร์โมนร่างกายที่ผิดปกติ)
การผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนักก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะทำให้คุณกลับมาแข็งแรง สุขภาพดีได้อีกครั้ง และลดความเสี่ยงของโรคต่างๆ สามารถรักษาได้หลายวิธี* (ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละคน) ปลอดภัย เป็นที่ยอมรับในสากล และทำการรักษาโดยแพทย์เฉพาะทางอันดับต้นของประเทศ พร้อมด้วยทีมแพทย์ เครื่องมือที่ทันสมัย และทำการผ่าตัดในโรงพยาบาลชั้นนำ เครือ BDMS ที่ได้รับมาตรฐานในระดับสากล
วิธีผ่าตัดกระเพาะที่ได้รับความนิยม

1. การผ่าตัดแบบสลีฟ
ผ่าตัดแบบส่องกล้อง ตัดกระเพาะบางส่วนให้มีขนาดเล็กลง ปรับฮอร์โมนให้ลดความอยากอาหาร ทานได้น้อยลง
ข้อดี
- ฮอร์โมนควบคุมความหิวลดลง เห็นผลกว่าการใส่บอลลูน และใช้ห่วงรัดกระเพาะ
- ร่างกายปรับรูปแบบการรับประทานอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ฝืนร่างกาย
ข้อเสีย
- ไม่สามารถทำกับผู้ที่เป็นโรคกรดไหลย้อน
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่เคยปรับขนาดกระเพาะด้วยการใส่ห่วงมาก่อน

2. การผ่าตัดแบบบายพาส
ผ่าตัดแบบส่องกล้อง ตัดปลายหลอดอาหารที่เชื่อมกับกระเพาะ ไปต่อกับลำไส้โดยตรง ปรับฮอร์โมนให้ลดความอยากอาหาร ทานได้น้อยลง
ข้อดี
- เหมือนการผ่าตัดแบบสลีฟ และเห็นผลลัพธ์มากกว่า
ข้อเสีย
- พบปัญหาในการดูดซึมสารอาหารได้ในบางราย
- เป็นการผ่าตัดที่ยาก ซับซ้อน ถ้าแพทย์ประสบการณ์ไม่มากพอ อาจพบความเสี่ยง

3. การใส่บอลลูนในกระเพาะ
การใส่บอลลูน เข้าไปในกระเพาะ ถึงแม้จะไม่ใช่การผ่าตัดโดยตรง แต่เราก็จัดไว้ในหมวดนี้ แต่บอลลูนใส่ไปแค่ 12 เดือน ก็ต้องเอาออก จึงเหมาะกับคนที่หนักไม่มาก หลังเอาบอลลูนออกก็มักมีน้ำหนักขึ้น
ข้อดี
- ไม่ต้องผ่าตัดโดยตรง ไร้แผลผ่าตัด
ข้อเสีย
- หลังเอาบอลลูนออก มีโอกาสที่น้ำหนักตัวจะเพิ่มขึ้น

4. การใส่ห่วงรัดกระเพาะ
การใส่ห่วงรัดกระเพาะ ทำให้กินน้อยลง แต่ระยะยาวอาจจะมีปัญหาได้ ตอนนี้ทางเราจึงมีแต่รับแก้ แก้ แก้และเอาออกอย่างเดียว และวิธีแก้ไขที่ดีที่สุด คือทำบายพาสอีกนั่นแหละ
ข้อดี
- ทำให้กินน้อยลง
ข้อเสีย
- กระเพาะผิดรูปจากการถูกรัด และไม่สามารถคืนสภาพเดิมได้

5 . การเย็บกระเพาะไร้แผล ( Overstitch )
เป็นวิธีใหม่ เย็บกระเพาะไร้แผล ใส่อุปกรณ์ในช่องปากแทน. เย็บ..โดยไม่ต้องตัด น้ำหนักลดลงได้เหมือนกัน ไม่มีแผลหน้าท้อง
ข้อดี
- เย็บกระเพาะ โดยการส่องกล้องทางปาก
- ไม่มีแผลหน้าท้อง เจ็บน้อย
- ฟื้นตัวเร็ว
ปลอดภัยด้วยเทคนิค Double Lock
เทคนิค Double Lock คือ การใช้ไหมละลายที่มีความแข็งแรงมาก ลักษณะคล้ายเส้นลวดช่วยเย็บให้รอยต่อแน่นหนามากขึ้น โดยทำการม้วนให้ขอบริมของรอยตัดพับทบเข้ามาแล้วเย็บซ้ำอีกที แถมยังมีการใช้กาวชีวภาพที่ป้ายเพื่อให้แผลติดกันมาเสริมความแข็งแรงให้กับเทคนิคนี้อีกชั้นหนึ่ง
ความพิเศษของ Double Lock คือ
- ทำให้รอยต่อแน่นหนามากขึ้น
- ป้องกันการเกิดสภาวะรั่วที่เป็นภาวะแทรกซ้อนอันดับหนึ่งของการผ่าตัดลดน้ำหนัก
- เพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานกระเพาะอาหารในระยะยาว
เนื่องจากกระเพาะมีหน้าที่บดอาหาร เมื่อมีการขยับมากเข้าก็ไม่แน่ว่าแนวผ่าตัดจะปริออกหรือไม่ Double Lock ทำให้แนวผ่าตัดนั้นแข็งแรงเพียงพอที่กระเพาะจะสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
เทคนิคการผ่าตัดลดน้ำหนักแบบ Double Lock นี้เป็นเอกลักษณ์ของ รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ ที่ถูกออกแบบมาเพราะมองเห็นจุดที่ก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยต่อผู้เข้ารับการรักษา ถึงแม้จะมีเทคนิคพิเศษนี้แล้ว
ทางคลินิกก็ไม่ได้ละเลยที่จะทำการตรวจสอบความสมบูรณ์ของการผ่าตัดถึงสองชั้นด้วยกัน จึงมั่นใจได้ว่า รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ และเทคนิค Double Lock จะช่วยให้การผ่าตัดลดน้ำหนักสำเร็จไปได้ด้วยดี พร้อมกับมีผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยม

ผ่าตัดโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์กว่า 30 ปี

‘นพ. ปณต ยิ้มเจริญ’
ศัลยแพทย์ทางเดินอาหาร & ผ่าตัดลดน้ำหนัก
✔ ผ่าตัดแบบส่องกล้อง มีประสบการณ์กว่า 30 ปี ได้รับประกาศนียบัตรรับรองจากสหรัฐอเมริกา
✔ ใช้เทคนิค Double Lock เทคนิคเฉพาะของ นพ.ปณต มีที่ รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ เพียงที่เดียว เพิ่มความปลอดภัยให้คนไข้มากขึ้น
✔ เทคนิค Pain Pump การใส่ยาชาแบบใหม่ที่ลดการบาดเจ็บหลังผ่าตัด ทำให้คนไข้ฟื้นตัวเร็ว ซึ่งเทคนิคนี้ได้นำเสนอในการประชุมนานาชาติที่ ประเทศสหรัฐอเมริกามาแล้ว
✔ ดำเนินการผ่าตัดในโรงพยาบาล มาตรฐานระดับสากล มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย
✔ ทางคลินิก มีเคสผ่าตัดกระเพาะกว่า 300 ครั้ง/ปี สำเร็จทุกเคส ไม่มีปัญหาหลังผ่าตัด
✔ หลังผ่าตัด มีทีมแพทย์ ติดตามผล คอยให้คำแนะนำผู้ป่วย นาน 12 เดือน
ที่สำคัญ การผ่าตัดกระเพาะ ถือเป็นการผ่าตัดที่มีความเสี่ยงทั้งก่อนและหลังผ่าตัด จึงควรให้ความสำคัญกับฝีมือ ความเชี่ยวชาญของแพทย์ ที่มีประสบการณ์เฉพาะด้าน
ลูกค้า ก่อนและหลังผ่าตัดกระเพาะ
ผ่าตัดกระเพาะอาหาร มาตรฐานการรักษาโรคอ้วน ที่รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ เราเปิดมา 23 ปี



บรรยากาศ รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์
สะอาด ปลอดภัย ได้มาตรฐานสากล
พร้อมด้วยทีมแพทย์ผู้ชำนาญการ
ประสบการณ์กว่า 23 ปี




